วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 4 สื่อโฆษณา (สิ่งที่วัยรุ่นให้ความสนใจ)

ตอนที่ 4 ส่วนประกอบของสารโฆษณา


ส่วนประกอบที่สำคัญของสารโฆษณาสามารถแบ่งออกได้เป็น 2  กลุ่มใหญ่ ๆ  คือ
1. วัจนภาษา
 คือการที่มนุษย์ได้มีการกำหนดข้อตกลงในการใช้สัญลักษณ์แทนคำต่าง ๆ ในการสื่อความหมาย เพื่อถ่ายทอดความคิด ซึ่งอาจใช้การเปล่งเสียงในภาษาพูดหรือการใช้ตัวอักษร ในการเขียนแล้วแต่โอกาส ในการสื่อความหมายเพื่อ สื่อสารกันระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร ซึ่งในงานโฆษณานั้นสามารถ แบ่งออกได้เป็น การพาดหัวเรื่อง  ข้อความโฆษณา คำขวัญหรือ สโลแกน คำบรรยายใต้ภาพ และชื่อหรือยี่ห้อสินค้า


2. อวัจนภาษา
คือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายโดยไม่ใช้กลุ่มคำหรือไม่เป็นคำพูดอาจกล่าวได้ว่าเป็นองค์ประกอบอื่น ๆ ในโฆษณา เพื่อนำมาช่วยเพิ่มเติมการสื่อความหมายในสารโฆษณาให้มีความหมายลึกซึ้ง มากกว่าการ ใช้ถ้อยคำเพียงอย่างเดียว เพื่อทำให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น  อวัจนภาษา สามารถแยกออกได้เป็น ภาพประกอบ เครื่องหมายการค้า สี โลโก้ การจัดหน้ากระดาษหรือภาพ และการใช้ตัวอักษรเป็นต้น 

การใช้ภาษาในการโฆษณา
 การโฆษณา มีความจำเป็นต้องใช้ภาษาที่ดึงดูดความสนใจของคนอ่านคนฟัง นักโฆษณาจึงมักคิดค้นถ้อยคำ สำนวนภาษาแปลก ๆ ใหม่ ๆ นำมาโฆษณาอยู่เสมอ เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนซื้อ ในขณะเดียวกันการโฆษณาต้องใช้ภาษาที่ง่าย ๆ กะทัดรัด ได้ใจความชัดเจนดี น่าสนใจ ให้ทันเหตุการณ์ รวดเร็ว มีเสียงสัมผัสคล้องจอง จดจำได้ง่ายด้วย จึงมีถ้อยคำเกิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ 
                วิเศษ  ชาญประโคน (2550, หน้า 48-50)  กล่าวถึงภาษาโฆษณาไว้สรุปได้ดังนี้  
ภาษาโฆษณาเป็นภาษาที่มุ่งโน้มน้าวจิตใจให้ผู้รับสารเปลี่ยนความคิด  และเกิดการกระทำตาม  ลักษณะของภาษาจึงมีสีสัน เน้นอารมณ์ด้วยการใช้ภาษาต่างระดับในข้อความเดียวกัน  ส่วนมากเป็นภาษาทางการกับกึ่งทางการ  ภาษาโฆษณามีลักษณะดังนี้
1. เรียกร้องความสนใจ(มีการใช้ประโยคที่สั้น กะทัดรัด)
คือเลือกใช้ภาษาที่ง่าย สุภาพ กระตุ้นความรู้สึกของลูกค้า ไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป ไม่ใช้คำพูดหรือข้อความ ฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นแต่อ่านแล้วสามารถที่จะจับใจความ ได้ทันที
2. ให้ความกระจ่างแก่ลูกค้า(มีความชัดเจน)
เป็นการใช้ภาษาที่ง่ายชัดเจนในการกล่าวถึงคุณภาพของสินค้าหรือบริการ  ไม่กำกวมในข้อความโฆษณา คือใช้คำพูดที่ผู้รับสารอ่านหรือได้ยินแล้ว ปราศจากข้อสงสัย เพื่อที่จะสามารถตอบคำถามที่คาดว่าผู้รับสารต้องการที่จะทราบได้หลีกเลี่ยงการใช้คำพูด สำนวนโวหาร หรือข้อความ ที่กำกวมทำให้ตีความได้หลายทาง หรือสามารถที่จะตีความได้หลายทาง หรือสามารถที่จะ
 ตีความได้หลายความหมาย
3. ให้ความมั่นใจ(ใช้ภาษาที่อ่าน หรือฟัง เข้าใจง่ายกับการบรรยายถึงสรรพคุณสินค้า) 
 เป็นการอ้างอิงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ อาจมีการใช้ สำนวนภาษาที่แตกต่างจากโครงสร้างในภาษาไทย กล่าวคือไม่ยึดติดกับหลักภาษาไทย มากจนเกินไปเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันใน อายุ อาชีพ และเพศ  แต่ต้องคำนึงถึงว่าจะทำให้เกิดผลให้ผู้อ่านเข้าใจผิดหรือเกิดผลในทางลบได้ อย่ามุ่งแต่จะใช้ความแปลกใหม่ แต่เพียงอย่างเดียว ภาษาที่ใช้กันทั่วไปเป็นสิ่งที่ดีถ้านำมาใช้อย่างเหมาะสม เนื่องจากเป็นสิ่งที่คุ้นเคย กันเป็นอย่างดี แต่ต้องระวังไม่ให้ผู้รับสารรู้สึกว่าเป็นภาษาที่หยาบคาย
4. ยั่วยุให้เกิดการตัดสินใจ 
 เป็นการใช้ถ้อยคำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการโดยเร็วที่สุด
ข้อควรคำนึงในการใช้ภาษาเพื่อการโฆษณา มีดังนี้
1. ใช้ภาษาสามัญ ง่าย ๆ สุภาพเข้าใจง่าย  สละสลวยหนุ่มนวล  ชวนสนใจ
2. ใช้ถ้อยคำภาษาที่ตรงความหมายที่ต้องการ สอดคล้องกับวัฒนธรรมของการใช้ภาษา
3. ใช้ถ้อยคำ ภาษาที่ถูกต้อง เหมาะสม ไม่ใช้ภาษาแสลง วิบัติ หรือคำต่ำกว่ามาตรฐาน 
4. ใช้ภาษาให้ถูกต้องตามแบบแผน ไม่ใช้ถ้อยคำที่ตัด หรือย่อที่รู้กันเฉพาะกลุ่ม
5. ไม่ใช้คำที่มีความหมายกำกวม เข้าใจได้สองแง่สองมุม  คำผวน  คำภาษาตลาด
6. ไม่ใช้คำวิชาการหรือศัพท์เทคนิคเกินความจำเป็น 
7. ควรใช้คำที่เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล  ไม่ส่อเสียด  ไม่ทับถมผู้อื่น
9. ไม่ใช้ภาษาโลดโผนและโฆษณาเกินความจริง เป็นการดูถูกสติปัญญาผู้รับสาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น