วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 9 สื่อโฆษณา (สิ่งที่วัยรุ่นให้ความสนใจ-วิตามินลดสัดส่วน)

ตอนที่ 9 สื่อโฆษณาในปัจจุบันที่วัยรุ่นให้ความสนใจ (วิตามินลดสัดส่วน)

ผลที่ได้จากทานวิตามินลดสัดส่วน(review)
























































                                                                          ข้อมูลจาก : http://thaigoodskin.com/b8/usa-gmp-100/







เตือนภัยจากการทานวิตามินลดสัดส่วน

1. เตือนสาว ม.ปลายตื่นจากฝัน"วิตามินลดอ้วนเฉพาะส่วน" แค่น้ำคำโฆษณา!!
    หากยังจำกันได้ ราวครึ่งปีที่ผ่านมากระแสยาหรือวิตามินลดความอ้วนเฉพาะส่วนอย่าง "น่องเรียว" บูมจนสาวๆ ขาใหญ่ต่างพากันค้นหาและล่าซื้อยาที่ว่านี้ กระทั่งเกิดเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการอยากสวยทางลัด มาวันนี้ กระแสยาลดความอ้วนเฉพาะส่วนที่ไม่จำกัดอยู่แค่ "น่องเรียว" แต่ในโลกสังคมออนไลน์ยังขยายไปถึงความอ้วนเฉพาะส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น "ต้นแขน" "ต้นขา" "ปีกหลัง" "สะโพก" "หน้าท้อง" หรือ "หน้าเรียว" ก็มีให้เห็น"ยาลดแขน-ขา กระชับทุกสัดส่วน เม็ดละ 10 บาท เรตราคาถูกสุด" "วิตามินแขน-ขาเรียวจากญี่ปุ่น ราคาเม็ดละ 10 บาท สั่งขั้นต่ำ 30 เม็ด" "สมุนไพรลดน้ำหนัก 5 บาท กรุณาสั่งขั้นต่ำ 50 เม็ด อย.รับรอง" "สุดยอดนวัตกรรม ALA แอปเปิลเร่งขาว 8 เท่า ขาวและลบรอยแผลเป็นใน 3 เม็ด ราคาเม็ดละ 4 บาทเท่านั้น!!!"ล้วนเป็นข้อความกระตุกชวนให้ผู้หญิงและกลุ่มผู้ชายแมนน้อย ที่ต้องการสร้างเซ็กซ์แอพพริลให้รูปร่างตัวเองด้วยความฟิตแอนด์เฟิร์ม ตาโตหลงเชื่อไปกับโฆษณายาลดน้ำหนัก "ราคาถูก" มากสรรพคุณบนอินเทอร์เน็ต ที่กล่าวอ้างว่าลดได้จริง 2-3 นิ้วต่อเดือน เพียงทานวันละ 1 เม็ดเท่านั้น แถมยังช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ ปลอดภัยและไม่โยโย่!! "เมื่อก่อนเพื่อนๆ ก็แอนตี้ว่าทำไมต้องกินยาลดความอ้วน แต่พอมาเป็นยาลดความอ้วนเฉพาะส่วนที่อ้างว่าเป็นวิตามิน สมุนไพร บางครั้งก็อ้างว่าได้รับการรับรองจากสถาบันอะไรเยอะแยะไปหมดรวมถึง อย.ด้วย กลุ่มเพื่อนผู้หญิง ตุ๊ด และกะเทยเลยนิยมซื้อมาทานกัน โดยลดน่องจะมาเป็นอันดับหนึ่งเพราะเห็นผลจริง ลดเอวที่สอง ส่วนผิวขาวจำพวกกลูตาไธโอนมาเป็นที่สามเพราะไม่ค่อยเห็นผล ราคาที่ซื้อขายกันตกเม็ดละ 5-10 บาท ซื้อครั้งหนึ่งก็ประมาณ 500 บาทขึ้นไป" เด็กสาวชั้น ม.6 จากโรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่งใน กทม. เผยข้อมูลเธอผู้นี้ ยังบอกด้วยว่า ขณะนี้มีเพื่อนในห้องใช้วิตามินดังกล่าวอยู่ราว 20-30% แม้ตัวเลขไม่มาก แต่ถ้าเทียบกับเมื่อเทอมแรกที่ผ่านมา ที่เพื่อนๆ บ่นว่าอยากลดความอ้วนแต่ไม่นิยมทานยาลดความอ้วน ถือว่าสูงและน่าวิตก แถมบางคนเมื่อทานแล้วเห็นผลและยังไม่เกิดเอฟเฟ็กต์ เพื่อนๆ คนอื่นเห็นอยากทานบ้าง ก็กลายเป็นผู้ขายรายย่อยในสถานศึกษาไปโดยปริยาย ทว่า ความเชื่อตามคำโฆษณาค้าขายย่อมเป็นไปไม่ได้เมื่อเทียบกับความจริง บทความเรื่องการลดน้ำหนักเฉพาะส่วนบนเว็บไซต์ www.guru.google.co.th ระบุชัดว่า การลดน้ำหนักเอาไขมันออกเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะเป็นขา สะโพก แขนนั้นทำไม่ได้อย่างแน่นอน (ยกเว้นการดูดไขมันออกเฉพาะส่วน) แม้ว่าจะสามารถสร้างกล้ามเนื้อเฉพาะบางส่วนจากการออกกำลังกายได้ก็ตาม ทั้งนี้เป็นเพราะไขมันเปรียบเสมือนเลือดและน้ำในร่างกายที่กระจายอยู่ทั่ว ซึ่งก็แล้วแต่ว่ากรรมพันธุ์ของใครจะสะสมไว้ส่วนไหนมากส่วนไหนน้อย ดังนั้นเมื่อจะลดไขมันก็จะลดโดยรวม ซึ่งก็แล้วแต่กรรมพันธุ์ด้วยว่าบริเวณไหนจะลดก่อน แล้วส่วนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ลดตามมาทีหลัง "ปัจจุบันนี้วงการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักต่างก็ยอมรับแล้วว่า วิธีลดน้ำหนักตัวที่ดีที่สุดได้แก่ การควบคุมอาหาร ควบคู่กับการออกกำลังกาย สิ่งที่ทำได้คือเริ่มควบคุมอาหารมิใช่อดอาหาร และต้องเริ่มออกกำลังกายกันอย่างจริงจังสม่ำเสมอ จึงจะทำให้รูปร่างของตัวเองสวยงามได้ มิใช่การเสียเงินจำนวนมากไปกับอุปกรณ์ลดน้ำหนักเฉพาะส่วน ยาลดความอ้วน หรือเข้าคอร์สเสริมความงามราคาแพง" บทความในเว็บไซต์กูรูกูเกิล แจงไว้ที่หน้าเพจ สอดคล้องกับคำเตือนของ ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่อธิบายว่า การทำงานของยาลดความอ้วนจะลดทุกส่วนของร่างกาย ไม่สามารถกินเพื่อให้ลดเฉพาะจุดได้ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าไขมันตรงไหนสะสมเยอะก็จะกระชับได้ก่อน อย่างไรก็ดี ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนส่วนมาก ทั้งยาลดความอ้วน กาแฟ-โกโก้ลดความอ้วน หรือแม้แต่วิตามินแคปซูลลดความอ้วน ที่ อย.จับได้ว่าผิดกฎหมาย มักผสมยาลดความอ้วนที่ชื่อ “ไซบูทรามีน” มีฤทธิ์เผาผลาญไขมัน และกดประสาททำให้ไม่อยากอาหาร ผลเสียคือทำให้หัวใจและความดันผิดปกติ บางรายตอบสนองต่อยามากหัวใจอาจหยุดเต้นได้ ซึ่ง อย.ได้ประกาศยกเลิกตำรับยา และไม่มีขายในประเทศไทยแล้ว
 ภญ.ศรีนวล กล่าวต่อว่า แต่ที่ลักลอบนำมาใส่ได้ก็เพราะความต้องการใช้ยังสูงอยู่ คนไทยโดยเฉพาะผู้หญิงวัยเรียน วัยรุ่น และวัยทำงานตอนต้นยังยึดติดอยู่กับค่านิยมเรื่องผอม ภาครัฐและสังคมจึงต้องให้ความรู้เรื่องการลดความอ้วนที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน เพราะการตรวจจับอย่างเดียวไม่เพียงพอและเท่าทัน  "สำหรับกรณียาลดความอ้วนเฉพาะส่วนราคาถูกระบาดเข้าไปในหมู่นักเรียน ม.ปลาย เป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่รายงานเข้ามา ซึ่งน่าเป็นห่วงมากว่าวัยรุ่นในปัจจุบัน มีทัศนคติชอบผอมสวยขาวแบบดารา ยิ่งนักเรียนในกลุ่มโรงเรียนสาธิตที่มีกำลังทรัพย์ด้วยแล้ว การระบาดจึงเป็นไปได้ง่าย เพราะเด็กวัยนี้ร่างกายขยายมีไขมันสะสมอยู่ แต่หากเป็นกลุ่มมัธยมต้นยังไม่น่าเป็นห่วงเพราะสรีระยังไม่เอื้อ อย่างไรก็ตาม ทาง อย.จะเข้าไปตรวจสอบและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับโครงการ อย.น้อย ที่มีประจำอยู่ในโรงเรียนในรูปแบบชมรมมานานกว่า 10 ปี เพื่อให้นักเรียนไม่ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาจนเกิดความเสียหายถึงชีวิตเหมือนอย่างที่แล้วมา" รองเลขาธิกา อย. ให้คำมั่น พร้อมกันนี้ ยังแนะนำแก่บรรดาวัยรุ่นอยากหุ่นสวยไว้ด้วยว่า ขอให้เด็กๆ พอใจและยินดีกับความสวยและรูปร่างพื้นฐานของชาวเอเชีย ซึ่งไม่ได้สูงโปร่งขายาวเหมือนกับสาวๆ ยุโรป และถ้ากังวลเรื่องอ้วนขอให้ออกกำลังกายแล้วดื่มนมเป็นหลัก จะช่วยให้น้องๆ สูงขึ้นได้อีกมาก และส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นจะไปแบ่งปันความหนาของร่างกาย ผลที่ได้คือรูปร่างดูดีขึ้น ส่วนยาลดความอ้วนขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย และควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ ท้ายนี้ เยาวชนไม่ควรดื่มกาแฟหรือโกโก้ลดน้ำหนักเพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ผู้รู้มายืนยันเช่นนี้แล้ว คิดจะซื้อยาลดความอ้วนเฉพาะส่วนราคาถูกตาม โปรดคิดดูให้ดี!!.

ข้อมูลจาก : http://www.thaipost.net/x-cite/080113/67693



2.เกลื่อนเน็ต "วิตามิน" ลดสัดส่วน-ผิวขาว-อกอึ๋ม
       เชื่อว่าใครหลายคนที่เล่นเฟซบุ๊กหรือโซเชียลมีเดียอื่น คงเคยเหลือบเห็นโฆษณาต่างๆ ที่อ่านแล้วไม่อยากจะเชื่อนักว่าทำได้จริงกับ "วิตามินลดสัดส่วน" ที่บรรจุอยู่ในแคปซูลสีสันสดใสหลากสี เลือกสีกันตามสัดส่วนที่ต้องการลด ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา พุง หน้าท้อง และยังรับประกันด้วยว่าปลอดภัย นำเข้าจากต่างประเทศ ในราคาแสนถูกเพียงเม็ดละไม่เกิน 10 บาท นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่าง "หัวเชื้อกลูต้า" และ"ฮอร์โมนเสริมอึ๋ม" ให้เลือกซื้อเลือกหากันง่ายๆ ภายในคลิกเดียว ถึงแม้จะมีภาพรีวิวก่อนกิน-หลังกิน มายืนยัน มีข้อความยืนยันว่าผอมจริง คอนเฟิร์ม แต่เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่ถูกบรรจุลงไปในแคปซูลเหล่านั้น จะปลอดภัยต่อร่างกายเราจริงๆ ถึงแม้แม่ค้าจะระบุว่ามีอย. แต่ก็เป็นเพียงคำพูดลอยลม จะเชื่อได้อย่างไร ทั้งนี้ อีกจุดหนึ่งที่พึงสังเกตคือการใช้คำว่า “วิตามิน” แทนที่คำว่า “ยา” ซึ่งในทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่า ไม่มีวิตามินใดในโลกที่ลดความอ้วนหรือไขมันได้  น่าห่วงว่าเหยื่อของวิตามินลดน้ำหนักเหล่านี้ คือกลุ่มวัยรุ่นที่อยากสวย อยากหุ่นดี ด้วยวิธีทางลัด พอเจอโฆษณาชวนเชื่อกับวิตามินลดน้ำหนักจึงหลงเชื่อโดยง่าย และด้วยราคาที่ไม่แพงจนเกินไปนัก จึงรีบควักเงินทันทีโดยไม่ทันคิดไตร่ตรองถึงพิษภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 
        “วันนี้เราก็จะมาบอกหรือเตือนคนที่กินยาลดน่องนะ เราเป็นคนที่น่องใหญ่แต่ตัวเล็ก มีแต่เพื่อนมีแต่คนบอกว่าทำไมน่องใหญ่ ฟังแล้วมันก็เสียความมั่นใจ เราก็ไปหาดูคลิปลดน่องลองบริหารดูมันก็ลดนะแต่ใช้เวลานาน เราเป็นคนใจร้อน เห็นร้านร้านนึงมันขายยาลดน่องเป็นแบบวิตามินซีขาวส้ม เขาบอกว่าลดจริงเห็นผลภายใน 3-7 วัน ก็เลยไปซื้อกินดู 10 เม็ด 70 บาท กินวันแรกก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันที่ 2 ก็ยังปกติ พอมาถึงวันที่ 3 น่องเริ่มลดลงเราก็แบบดีใจมากๆ กินไปวันที่ 4-5 ก็ปกติน่องก็เล็กลง แต่พอถึงวันที่ 6 เราเริ่มมีอาการแปลกๆ กินข้าวไม่ลงไม่กินอะไรเลย เห็นอะไรก็ไม่อยากกิน รู้สึกเหนื่อยง่าย เวลาหิวกินข้าว 3 คำก็อิ่มแต่แสบท้องมากๆ รู้สึกปวดท้อง มึนหัวตาลายหูอื้อ เป็นอาการแบบนี้ทั้งวัน วันที่ 7-8 ก็เป็นอาการแบบนี้ไม่หาย เราก็เลยเลิกกิน” หนึ่งในเหยื่อวิตามินลดสัดส่วนเล่าประสบการณ์ให้ฟังทางอินเทอร์เน็ต 
 ทั้งนี้ทาง อย. ก็เคยออกโรงเตือนมาครั้งหนึ่ง แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น และยังไม่รู้จะจัดการกับพวกขายของหลอกลวงได้อย่างไร ในเมื่อมีโฆษณาหลอกลวงชวนเชื่ออยู่เกลื่อนบนโลกอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมด 
 “อย.ขอเตือนผู้บริโภคอย่าได้หลงเชื่อซื้อหามารับประทานเด็ดขาด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย.ทำให้ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีส่วนผสมใดในผลิตภัณฑ์ อาจมีการปนเปื้อน หรืออาจลักลอบใส่ตัวยาที่เป็นอันตราย และที่สำคัญการโฆษณาในลักษณะดังกล่าวเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ เป็นเท็จ เกินจริง หากผู้บริโภคหลงเชื่อ นอกจากจะสิ้นเปลืองเงินทองโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้ อย.จะดำเนินการกวาดล้าง และดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดต่อไป”
ถึงเรื่องนี้จะเกิดขึ้นมาได้สักพักแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีลูกค้าหน้าใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ แม่ค้า-พ่อค้า หัวใส ก็ยังทำรายได้เป็นกอบเป็นกำจากวิตามินลดสัดส่วนลวงโลก อย. ก็ไม่สามารถกวาดล้างได้อย่างจริงจัง ดังนั้นก็เป็นหน้าที่ของตัวเราเองแล้วที่จะต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนจะตัดสินใจซื้อวิตามินอันตรายพวกนี้มารับประทาน 
            ข้อมูลจาก : http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000057391



3. อันตรายจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดต้นขา “ภัยร้ายบนเส้นทางเพื่อขาเรียวงาม”

          # เพราะเหตุใด ???? 
“ วิตามินลดต้นขาหรือวิตามินขาเรียว ” จึงถูกอ้างว่าทำให้ขาเรียวได้
จากการศึกษาข้อมูลของส่วนประกอบที่พบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดต้นขาหลายยี่ห้อ พบว่ามีส่วนประกอบส่วนใหญ่คล้ายคลึงกัน ซึ่งแต่ละส่วนประกอบนั้นก็มีการกล่าวอ้างถึงสรรพคุณในทางเดียวกัน คือเพื่อลดการลดน้ำหนัก ลดไขมันและคลอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ตลอดจนลดอาการบวม จึงได้นำมารวมกันไว้ในผลิตภัณฑ์เดียว เพื่อหวังผลให้เสริมฤทธิ์กันช่วยให้ผอมเพรียว แขนขาเรียวกระชับแบบทันตาเห็นนั่นเอง ซึ่งส่วนประกอบของผลิตเสริมอาหารลดต้นขา ที่พอจะรวบรวมได้มีดังนี้
แปะก๊วย ( Gingko ) : โดยทั่วไปแล้วจะใช้เพิ่มการไหลเวียนโลหิตไปสู่สมองและปลายมือปลายเท้า แต่ถ้าใช้ในขนาดสูงอาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ เช่นมีอาการชัก เลือดออกในทางเดินอาหาร ส่งผลให้อุจจาระเป็นสีดำหรืออาเจียนเป็นเลือด เลือดออกในสมอง และกรดกิงโกลิก ( gingkolic acid ) ในแปะก๊วย ยังอาจทำให้เกิดการแพ้ที่รุนแรงได้ อีกทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย
คูมาริน ( coumarin ) : ส่วนใหญ่จะใช้เป็นส่วนประกอบของยาต้านการแข็งตัวของเลือด และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด แต่คูมารินมีความเป็นพิษต่อตับและไต รวมถึงอาจทำให้เกิดเลือดออกในทางเดินอาหารหรือสมองได้

รู้หรือไม่ ??? เมื่อทานแปะก๊วยร่วมกับคูมาริน จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารและสมองมากยิ่งขึ้น ซึ่งพบการใช้สารทั้งสองตัวนี้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทำให้ขาเรียว และยาลดความอ้วน นี่จึงเป็นอันตรายร้ายแรงอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ก็เป็นได้ !!!!

สารสกัดพิคโนจีนอล ( Pycnogenol ) : จากเปลือกสนมารีไทม์ และสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ( Grape seed ) : มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ( Antioxidant ) ในประเทศไทยใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อใช้ในการรักษาฝ้า และได้มีการนำมาใช้ลดอาการปวดขา ภาวะขาไม่มีแรง และภาวะบวมน้ำ โดยไม่มี การศึกษายืนยันประสิทธิภาพ ที่แน่ชัด นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการปวดหัวและอาหารไม่ย่อยเป็นต้น 
แอล - ซิทรูลิน ( L-citrulline ) : 
เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่พบในแตงโม ช่วยให้พลังงานและเสริมสร้างกล้ามเนื้อแต่ผู้ขายนำมาใช้แก้อาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อขา 
สารสกัดจากต้นยัคคะ ( Yucca ) : เป็นพืชสมุนไพรที่พบในแถบอเมริกา อาจช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต แต่ยังไม่มีการศึกษาถึงความปลอดภัยในมนุษย์ ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ มีการอาการปวดหัว คลื่นไส้ แม้จะใช้ในปริมาณน้อยในระยะเวลาสั้นๆ แต่ยังไม่มีหลักฐานการศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ที่แน่ชัด จึงไม่แนะนำให้ใช้สารสกัดจากต้นยัคคะและแอล - ซิทรูลินในหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ระหว่างการใช้นมบุตร 
ส่วนประกอบอื่นๆ ที่พบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อหวังผลลดน้ำหนัก ได้แก่ 
สารสกัดจากเปลือกต้นควิลเลย์ ( Quillay ) : 
และสารสกัดจากใบสะเดาอินเดีย ที่ นำมาใช้เพื่อช่วยลดระดับคลอเรสเตอรอลในเลือด ทั้งสองส่วนประกอบนี้มีอันตรายและผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้มากมาย เช่น ทำให้ตับถูกทำลาย ระบบทางเดินหายใจล้มเหลว ปวดท้อง ท้องเสีย หมดสติ และมีผลต่อการบีบตัวของมดลูกซึ่งอาจทำให้คนที่ตั้งครรภ์แท้งได้นอกจากนี้ยังมี 
สารสกัดจากส้มแขก : 
คือ ไฮดรอกซีซิตริกแอซิด ( Hydroxycitric acid ) ซึ่งยังไม่มีการศึกษาที่พบว่ามีฤทธิ์ช่วยลดน้ำหนักได้ในคนในทางตรงกันข้ามอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงและพิษต่อตับได้
เมื่อพิจารณาแต่ละส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดต้นขาหรือเป็นที่รู้จักในชื่อ “ วิตามินขาเรียว ” จะพบว่ามีอันตรายจากผลข้างเคียงและอาการที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆมากมายจากการใช้ทั้งเดี่ยวๆและใช้ร่วมกัน ซึ่งนี่คือสาเหตุที่ทำไมจึงเห็นว่าหลายคนใช้ไม่ได้ผลและได้รับผลข้างเคียงมากมายโดยที่บางรายนั้นถึงกับเสียชีวิต ดังนั้นคุ้มค่าแล้วหรือที่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้เป็นหนทางไปสู่การมีรูปร่างสวยและสุขภาพดี ??? 

            หากมองในแง่กฎหมายของการนำเข้าและโฆษณาอ้างอิงสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าว ผศ.ภก.ยงยุทธ เรือนทา อาจารย์ ภาควิชาบริบาลเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ให้ความเห็นว่า “ ยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ต้องมีฉลากแปลเป็นภาษาไทยเพื่อบอกส่วนประกอบและข้อบ่งใช้แก่ผู้บริโภคอย่างครบถ้วน อีกทั้งการโฆษณาขายต้องได้รับอนุญาตจากอย.ก่อน ดังนั้นการโอ้อวดสรรพคุณผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบนอินเตอร์เน็ต ว่าช่วยลดเรียวขา จึงเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เนื่องจาก อย . ไม่อนุญาตให้กระทำการดังกล่าว มีผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพบางรายพยายามหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย โดยขึ้นทะเบียน สินค้าของตนเป็นอาหารหรือเครื่องสำอาง เพื่อให้สามารถขายและโฆษณาได้โดยง่ายและแพร่หลาย สินค้าบางอย่างอาจมีเครื่องหมาย อย . ก็จริง แต่ต้องตรวจสอบต่อไปว่าเครื่องหมายและเลขที่แจ้งนั้นเป็นเลขจริงหรือไม่ โดยตรวจสอบจากเวปไซท์ของอย. www.fda.moph.go.th ซึ่งพบสินค้าในลักษณะนี้ได้มากเช่นกันในหมวดหมู่ของผลิตภัณฑ์สุขภาพ ” 

             เราทุกคนในฐานะผู้บริโภคจึงควรมีแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์
-ควรบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้เหมาะกับเพศ วัย และสภาวะของร่างกาย
- ปรึกษาแพทย์ควบคู่ไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ในกรณีที่คุณจะเปลี่ยนจากการใช้ยาเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแทน หรือการที่จะใช้ควบคู่ไปกับยา เพราะอาจมีความไม่เข้ากันและก่อให้เกิดอันตรายได้
- ควรอ่านฉลากอย่างละเอียด และมองหาหลักฐานหรือการรับรองคุณภาพทางวิทยาศาสตร์หรือเครื่องหมายมาตรฐานต่างๆที่แสดงถึงความปลอดภัยของสินค้า ตลอดจนไม่หลงเชื่อการโฆษณาโอ้อวดสรรพคุณที่เกินจริง
- จำเป็นต้องรู้คือขนาดที่เหมาะสมของการได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในแต่ละครั้ง เพราะจะสามารถลดความเสี่ยงจากการใช้เกินขนาด

             ท้ายที่สุดนี้ ควรนึกไว้เสมอว่า ถึงแม้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะมีที่มาจากธรรมชาติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าธรรมชาตินั้นจะปลอดภัยเสมอไป เพราะอาจมีความเป็นพิษและมีสิ่งปนเปื้อนก็เป็นได้ และส่วนประกอบที่ระบุลงในฉลากอาจไม่ตรงกับที่มีอยู่จริง ทั้งในด้านชนิดและปริมาณ ที่สำคัญคือ ก่อนเลือกใช้ควรศึกษาข้อมูลยาที่ใช้อยู่ให้รอบคอบ เพราะอาจทำให้ได้รับผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายจากการใช้ยานั้นร่วมกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ และหากพบปัญหาหรือข้อร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนผู้บริโภคกับ อย. โทร 1556 ซึ่ง ให้บริการข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ อาหาร ยา เครื่องสำอางค์ หรือร้องเรียนไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพราะแม้ ผลิตภัณฑ์จะดีแค่ไหน แต่หากไม่มีความปลอดภัยก็ไม่สามารถจะผ่านด่านการตรวจสอบไปได้เช่นกัน

“ สุขภาพของคุณ คุณเลือกเองได้ ” ตามแบบฉบับของผู้บริโภคยุคใหม่ที่รู้เท่าทัน 

                 ตัวอย่างคนที่ใช้จริง นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ วัย 20 ปี ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า “ โดยส่วนตัวแล้วเคยใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดต้นขาหรือวิตามินลดต้นขา ซึ่งสั่งซื้อจากเพื่อนผ่านทางอินเตอร์เน็ต บรรจุในซองใส่ยาทั่วไป ไม่มีเครื่องหมาย อย . นำเข้ามาจากนิวซีแลนด์ ก่อนใช้ก็ได้มีการอ่านข้อมูลเรื่องความปลอดภัยจากเว็บไชต์ที่สั่งซื้อ แล้วเห็นว่าปลอดภัยดีจึงอยากลองใช้ดู เพราะไม่ชอบออกกำลังกายแต่อยากผอมสวยหุ่นดีขาเรียวแบบเห็นผลไว เมื่อใช้แล้วเห็นผลภายใน 3 วัน รู้สึกว่าต้นขาลดลง อีกทั้งน้ำหนักยังลดลงอีกด้วย วัยรุ่นเดี๋ยวนี้ใช้กันอย่างแพร่หลายและถ้ามีโอกาสก็อยากใช้อีก ”

                                                            ข้อมูลจาก : http://www.pharmacy.cmu.ac.th/web2553/n82.php




ตอนที่ 8 สื่อโฆษณา (สิ่งที่วัยรุ่นให้ความสนใจ-วิตามินลดสัดส่วน)

ตอนที่ 8 สื่อโฆษณาในปัจจุบันที่วัยรุ่นให้ความสนใจ (วิตามินลดสัดส่วน)

คำเตือนและผู้ที่ไม่ควรทานวิตามินลดสัดส่วน
คำเตือน
- หากเกิดอาการแพ้ให้หยุดรับประทานทันที
- หญิงมีครรภ์ห้ามรับประทาน
- ลูกค้าที่มีโรค ดังนี้ ไม่ควรรับประทาน
1. ความดันต่าง ๆ
2. โรคหัวใจ
3. โรคเลือดทารัสซีเมีย
4. โรคปวดหัว (ไมเกรน)
5. โรคไทรอยด์



ข้อดีและข้อเสียของวิตามินลดสัดส่วน

ข้อดี
1.เห็นผลรวดเร็วทันใจ
2.ราคาถูกและสามารถหาซื้อได้ง่าย
3.สามารถดีท็อกซ์ตับได้
4.ช่วยล้างสารพิษภายในร่างกาย

ข้อเสีย
1.ไม่มีความแน่นอนของผลิตภัณฑ์หรือสินค้า
2.มีของปลอมแปลงเยอะ
3.เมื่อทานของปลอมอาจจะมีโอกาสเสี่ยงกับชีวิตมาก
4.ควรศึกษาหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ